แผลเป็น
ขอบคุณคนไข้ที่กรุณาแชร์ประสบการผ่าตัดแก้รอบแผล กับคุณหมออภิชาญที่เว็บ Dungdong.com ขออณุญาติลงเนื้อหาส่วนหนึ่งจากในเว็บค่า คนไข้จะอัพเดทให้ชมต่อไปในกระทู้นะคะ
สวัสดีค่ะ เนื่องจากเรามีรอยแผลเป็นยืดและบุ๋มที่แก้มข้างซ้าย ซึ่งเวลาเราแต่งหน้าแล้วผิวหน้าจะไม่สม่ำเสมอ เราจึงตัดสินใจไปปรึกษาคุณหมออภิชาญ คลีนิคอยู่ถนนเฉลิมพระเกียรติ ร.9 ซอย 30 โดยเราไปปรึกษาคุณหมอเมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2560 แล้วไปผ่าตัดแผลเป็นวันที่ 10 พศจิกายา 2560 คุณหมอมือเบามากเลยค่ะ ไม่เจ็บเลยตอนที่ทำการผ่าตัด จะเจ็บแค่ตอนฉีดยาชาค่ะ คุณหมอใจดีและเอาใจใส่คนไข้ดีค่ะ
รีวิวภาพก่อน-หลัง การผ่าตัดแก้แผลเป็นคีรอยด์ และเอาก้อนคีรอยด์ที่ใบหูด้านขวาออก ไปได้ 9เดือน ร่วมกับการฉีดยาสลายก้อนคีรอยด์ที่เหลืออยู่..และเพื่อป้องกันการเกิดซ้ำ ไปอีก 9ครั้ง
หากท่านมีปัญหาเรื่องแผลเป็น แผลคีรอยด์ ที่รักษาไม่หาย หรือรักษาแล้วกลับมาเป็นอีก ลองโทรและขอนัดเข้ามาปรึกษากับ คุณหมออภิชาญ ได้ที่ Tel.086-3509030./02-7263640./081-6451098 หรือ สนใจติดตามข่าวสาร @Apicharn Pongpatananuruk ค่ะ
สวัสดีค่าชาวเฟิร์สแคร์ วันนี้เรามีภาพล่าสุดจากคนไข้ของทางคลินิก ที่กรุณาช่วยส่งภาพรีวิวผลงานแก้ไขแผลเป็นมาให้เพื่อนๆชม เป็นตัวเลือกสำหรับท่านที่มีปัญหาเรื่องแผลเป็น แผลคีรอยด์ แผลบุ๋ม แผลนูน ลองเข้ามาปรึกษากับคุณหมออภิชาญดูนะคะ ^^
แล้วอย่าลืมทางเรา ต่ออายุโปรโมชั่นปากบาง เพียง 6,900 บาท เท่านั้นค่ะ รีบติดต่อเข้ามาก่อนหมดสิทธิ์นะคะ
แผลเป็น (Scar) เป็นผลที่ตามมาจากการหายของแผล ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบคือ
1. แผลเป็นปกติ (Normal scar)
มี ลักษณะโดยทั่วไปคือ เมื่อเป็นแผล และแผลหายในช่วงแรกแผลจะนูนแดงเล็กน้อย ต่อมาจะค่อยๆซีดและยุบลง ส่วนใหญ่จะภายใน 3 เดือน และมักไม่เกิน 1 ปี แต่อย่างไรก็ตาม จะทิ้งร่องรอยของแผลไว้อยู่จางๆให้ทราบว่าเคยเป็นแผลมาก่อน
2. แผลเป็นแบบผิดปกติ ( Abnormal scar) แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
2.1 แผลเป็นชนิด Hypertrophic
2.2 แผลเป็นชนิด Keloid
ทั้ง สองชนิดมีลักษณะคล้ายกัน คือ แผลที่นูน แดง และคัน โดยหากยิ่งเกาจะยิ่งนูน และแดงมากขึ้นในที่นี้จะไม่ขอกล่าวถึงความแตกต่างของทั้ง 2 ชนิด แต่ในความคิดของคนทั่วไปมักเรียกแผลเป็นนูนทั้ง 2 ชนิดนี้ว่า แผลเป็น Keloid ซึ่งพบได้ทุกส่วนของผิวหนัง แต่ที่พบบ่อยคือ บริเวณใบหู หัวไหล่ และกลางหน้าอก เป็นต้น
ส่วนแผลเป็นอีกประเภทหนึ่งคือ “แผลเป็นยืดขยาย” (Widening scar) ซึ่งก็คือแผลเป็นแบบปกตินั่นเอง แต่มีการยืดขยายออกจากแผลตามแนวแรงดึงของผิวหนังบริเวณนั้น พบได้ทั่วไปแต่เห็นได้ชัดบริเวณผิวหนังที่มีแรงตึงหรือแรงดึงบริเวณผิวหนัง มากๆ เช่น ต้นขา หน้าแข้ง หรือบริเวณข้อต่อต่างๆ ที่มักมีการเคลื่อนไหว เช่น ข้อศอก ข้อเข่า ข้อเท้า เป็นต้น
นอกจากนี้บางคนคงเคยได้ ยินคำว่า “แผลเป็นดึงรั้ง” (Contractured scar) ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือแผลเป็นทั้งชนิด Hypertrophic scar และ Keloid ที่เกิดบริเวณข้อต่อต่างๆแล้วทำให้ข้อต่อบริเวณนั้นหดรั้ง ไม่สามารถยืดหรืองอได้เต็มที่ หากปล่อยไว้นานๆอาจทำให้กระดูกข้อผิดรูปได้ตามมา