การรักษาแผลเป็น
ทางเว็บได้เพิ่มตัวอย่างการแก้ไขแผลเป็น โดยคุณหมออภิชาญ นะคะ สามารถเข้าไปอ่านได้ในเว็บบอร์ดของเราค่ะ สมัครสมาชิกฟรี เพื่อดูรูปภาพรีวิวทั้งหมดได้เลยนะคะ สำหรับเคสนี้ เป็นแผลเป็นยืดค่ะ ซึ่งเมื่อมีการย่นแผล จะทำให้แผลเป็นยิ่งเห็นชัดเจนขึ้น
สามารถติดตามอ่านต่อได้ที่หัวห้อ ผ่าตัดแก้ไขแผลเป็นยืดบริเวณแก้มขวา นะคะ พร้อมคำอภิบายและภาพประกอบค่ะ
สวัสดีค่ะ วันนี้ทางคลินิกเอารีวิวเกี่ยวกับการแก้ไขแผลเป็นมาฝากนะคะ คุณหมออภิชาญ ได้ทำการผ่าตัดแก้ไขแผลเป็นจากการผ่าตัดไส้ติ่ง ค่ะ สามารถติดตามได้ในกระทู้หัวข้อ แก้ไขแผลเป็นจากการผ่าตัดไส้ติ่ง นะคะ ขอบคุณค่ะ
แผลเป็น (Scar) เป็นผลที่ตามมาจากการหายของแผล ซึ่งแบ่งเป็น 2 แบบคือ
1. แผลเป็นปกติ (Normal scar)
มี ลักษณะโดยทั่วไปคือ เมื่อเป็นแผล และแผลหายในช่วงแรกแผลจะนูนแดงเล็กน้อย ต่อมาจะค่อยๆซีดและยุบลง ส่วนใหญ่จะภายใน 3 เดือน และมักไม่เกิน 1 ปี แต่อย่างไรก็ตาม จะทิ้งร่องรอยของแผลไว้อยู่จางๆให้ทราบว่าเคยเป็นแผลมาก่อน
2. แผลเป็นแบบผิดปกติ ( Abnormal scar) แบ่งเป็น 2 ชนิด คือ
2.1 แผลเป็นชนิด Hypertrophic
2.2 แผลเป็นชนิด Keloid
ทั้ง สองชนิดมีลักษณะคล้ายกัน คือ แผลที่นูน แดง และคัน โดยหากยิ่งเกาจะยิ่งนูน และแดงมากขึ้นในที่นี้จะไม่ขอกล่าวถึงความแตกต่างของทั้ง 2 ชนิด แต่ในความคิดของคนทั่วไปมักเรียกแผลเป็นนูนทั้ง 2 ชนิดนี้ว่า แผลเป็น Keloid ซึ่งพบได้ทุกส่วนของผิวหนัง แต่ที่พบบ่อยคือ บริเวณใบหู หัวไหล่ และกลางหน้าอก เป็นต้น
ส่วนแผลเป็นอีกประเภทหนึ่งคือ “แผลเป็นยืดขยาย” (Widening scar) ซึ่งก็คือแผลเป็นแบบปกตินั่นเอง แต่มีการยืดขยายออกจากแผลตามแนวแรงดึงของผิวหนังบริเวณนั้น พบได้ทั่วไปแต่เห็นได้ชัดบริเวณผิวหนังที่มีแรงตึงหรือแรงดึงบริเวณผิวหนัง มากๆ เช่น ต้นขา หน้าแข้ง หรือบริเวณข้อต่อต่างๆ ที่มักมีการเคลื่อนไหว เช่น ข้อศอก ข้อเข่า ข้อเท้า เป็นต้น
นอกจากนี้บางคนคงเคยได้ ยินคำว่า “แผลเป็นดึงรั้ง” (Contractured scar) ซึ่งส่วนใหญ่ก็คือแผลเป็นทั้งชนิด Hypertrophic scar และ Keloid ที่เกิดบริเวณข้อต่อต่างๆแล้วทำให้ข้อต่อบริเวณนั้นหดรั้ง ไม่สามารถยืดหรืองอได้เต็มที่ หากปล่อยไว้นานๆอาจทำให้กระดูกข้อผิดรูปได้ตามมา