วันพฤหัสแล้ววว ท่านที่ทำงานหลายๆคนคงใกล้ถึงวันหยุดแล้ว เมื่อวานกล่าวถึงประเภทของแผลเป็นแล้ววันนี้จะเป็นเรื่องของการรักษาค่ะ
การรักษาแผลเป็น (Scar treatment) นั้น สามารถแบ่งได้เป็น 3 ประเภท ดังนี้
1. การรักษาโดยการผ่าตัด ซึ่งสามารถใช้ได้กับแผลเป็นทุกชนิด ซึ่งวิธีที่ง่ายที่สุดคือ การผ่าตัดแผลเป็นนั้นโดยตรงแล้วเย็บกลับเข้ามาใหม่ แต่หากเป็นบริเวณที่ยากต่อการเย็บโดยตรง อาจใช้วิธีโยกเนื้อข้างเคียงเข้ามาเพื่อทำให้เย็บได้ง่ายขึ้น (Local flap coverage ) หรือ ใช้เนื้อเยื่อบริเวณอื่นมาปิดแทน (Distant flap) เช่น ใช้เนื้อเยื่อบริเวณต้นขามาปิดแผลเป็นบริเวณหน้าท้องช่วงล่าง หรือแม้แต่การฝังอุปกรณ์ยืดขยายผิวหนัง (Tissue Expander) ไว้ก่อน เมื่อได้ผิวหนังที่ยืดขยายดีแล้วจึงค่อยตัดแผลเป็นออก และโยกผิวหนังที่ยืดขยายแล้วเข้ามาปิดบริเวณที่ตัดเอาแผลเป็นนั้นออกอีกที นอกจากนี้หากเป็นแผลเป็นที่มีขนาดใหญ่มากๆ โดยเฉพาะแผลเป็นดึงรั้ง อาจใช้การผ่าตัดทางจุลศัลยกรรมเข้ามาช่วย โดยใช้เนื้อเยื่อและผิวหนังบริเวณอื่นมาปิดแผลเป็นที่ตัดออก ร่วมกับการเย็บต่อหลอดเลือดและเส้นประสาท (Free flap coverage) ส่วนการปลูกผิวหนัง (Skin graft) นั้นเป็นวิธีที่มีการใช้กันมากในกรณีที่ไม่สามารถเย็บแผลเป็นเข้าหากันโดยตรง แต่ในด้านความสวยงามของผิวหนัง และการรับรู้ความรู้สึกที่ผิวหนัง จะไม่ดีเท่าวิธีการผ่าตัดอื่นที่กล่าวมา
2. การรักษาโดยวิธีไม่ผ่าตัด มักใช้กับแผลเป็น Hypertrophic และ Keloid ซึ่งมีหลายวิธีได้แก่
2.1 การฉีดยาให้แผลเป็นยุบ ซึ่งมักต้องร่วมกับการนวดบริเวณแผลเป็นที่ถูกวิธีด้วย
2.2 การใช้เลเซอร์
2.3 การใช้รังสี
2.4 การใช้ยาทาแผลเป็น หรือใช้แผ่นซิลิโคนปิดแผล
3. การรักษาแบบผสมผสาน คือ ใช้ทั้งวิธีผ่าตัดและไม่ผ่าตัดร่วมกัน ซึ่งโดยทั่วไปมักใช้ในกรณีแผลเป็น Hypertrophic และ Keloid ขนาดใหญ่ โดยจะฉีดยาให้ยุบลงในระดับที่ทำให้การผ่าตัดง่ายขึ้น แล้วจึงใช้วิธีการผ่าตัดแบบเย็บผิวหนังเข้าหากันโดยตรง หรือ วิธีการโยกเนื้อเยื่อข้างเคียงมาปิด เป็นต้น
ซึ่งแผลแต่ละแบบจะรักษาแบบไหนนั้นขึ้นอยู่กับความชำนาญของคุณหมอค่ะ