ประวัติของการทำศัลยกรรมเครื่องสำอางเริ่มมากกว่า 4,000 ปีที่ผ่านมา ถึงแม้ว่าการผ่าตัดมีการใช้ในประเทศอินเดียใน 800 BC, ประวัติของการทำศัลยกรรมย้ายช้ามากเป็นพัน ๆ ปีโดยเฉพาะอย่างยิ่งด้านการแพทย์ยุโรป (ประวัติศาสตร์การแพทย์ตะวันออกของศัลยกรรมพลาสติกเป็นเวลานานมากขึ้นด้วย Grafts และฟื้นฟูผิวที่อธิบายไว้ในหนังสือหลายเล่มเกี่ยวกับประวัติศาสตร์ของการทำศัลยกรรม

ในปลายศตวรรษที่ 19 ชุมชนการแพทย์อเมริกันหันมาผ่าตัดและประวัติความเป็นมาของการทำศัลยกรรมในประเทศสหรัฐอเมริกาเริ่ม แรกศัลยแพทย์ชาวอเมริกันที่สำคัญในการทำเครื่องหมายของเขาในประวัติศาสตร์ของศัลยกรรมพลาสติกเป็น ดร. จอห์นปีเตอร์ Mettauer, ผู้ดำเนินการแหว่งเพดานการดำเนินการครั้งแรกในประวัติศาสตร์ทางเหนือของศัลยกรรมพลาสติกใน 1827 กับเครื่องมือเขาออกแบบเอง
สงครามมีบทบาทอย่างมากในประวัติศาสตร์ของศัลยกรรมพลาสติก สงครามโลกครั้งที่นำเสนอแพทย์ที่มีคะแนนของแผลที่ใบหน้าอย่างรุนแรงและเผาไหม้, เปลี่ยนแปลงประวัติของการทำศัลยกรรม โมเดิร์นที่เกิดจากอาวุธชนิดและความรุนแรงของการบาดเจ็บที่เคยมีมาก่อนในประวัติศาสตร์ของศัลยกรรมพลาสติก บางส่วนของความสามารถทางการแพทย์ที่ยิ่งใหญ่ที่สุดอุทิศตัวเองอย่างเต็มที่ทั้งการสำรวจประวัติของการทำศัลยกรรมและการสร้างเทคนิคใหม่ในการรักษาคน maimed โดยสงคราม ศัลยกรรมความงามเกิดขึ้นในประวัติศาสตร์ของการทำศัลยกรรมที่รอบเวลานี้เป็นศัลยแพทย์อย่างเต็มที่ตระหนักถึงอิทธิพลของลักษณะในความสำเร็จของแต่ละบุคคล

ประวัติของการทำศัลยกรรมในอเมริกาเป็นหนี้มากถึง Society of Plastic และ reconstructive ศัลยแพทย์ (ASPRS) ในประวัติศาสตร์ของการทำศัลยกรรมไม่มีองค์กรดังกล่าวเพื่อศัลยแพทย์พลาสติกอเมริกันได้ดำรงอยู่ก่อนที่จะ 1931 ขั้นตอนที่สำคัญในประวัติศาสตร์ของการทำศัลยกรรมเกิดขึ้นเนื่องจากการทำงานของสถาบันการศึกษานี้ ได้แก่ การรับรู้ถึงความคืบหน้าและประวัติของการทำศัลยกรรมโดยคณะแพทย์ชาวอเมริกัน สมาชิก ASPRS สร้างการสอบคัดเลือกครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของการทำศัลยกรรมในสหรัฐอเมริกาและหมายเลขขององค์กรอื่น ๆ เพื่อส่งเสริมอนาคตและประวัติของการทำศัลยกรรม sprang ขึ้นในช่วงนี้

ประวัติศาสตร์สมัยใหม่และอื่น ๆ ที่รู้จักกันดีของการทำศัลยกรรมจะเริ่มขึ้นในทศวรรษ 1960 และ 70s ศัลยแพทย์พลาสติกมีส่วนร่วมในประวัติศาสตร์การทำศัลยกรรมในจำนวนของพื้นที่รวมทั้งศัลยแพทย์ทั่วไปและผู้ชนะรางวัลโนเบล สองสามทศวรรษที่ผ่านมาในประวัติศาสตร์ของการทำศัลยกรรมได้นำเงินมหาศาลในการรักษาและการรับรู้ของประชาชน เป็นหลักฐานทางประวัติศาสตร์ของการทำศัลยกรรมยังคงเป็นลายลักษณ์อักษร, วิธีการในการปรับปรุงรูปแบบและฟังก์ชั่นจะยังคงขยายตัว

ศัลยกรรมตกแต่งมีความหมายว่าอย่างไร

หมายถึง
1. ทำเพื่อความสวยงามคือคนปกติสวยน้อยทำให้สวยมาก
2. เป็นศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างคนที่มีความพิการแต่กำเนิด หรือจำพวก ติดเชื้อจาการเกิดอุบัติเหตุ หรือผ่าตัดเนื้องอก ทำให้มีรูปร่างพิกลพิการไป แล้วจะตก แต่งเสริมสร้างให้เขาอยู่ในสังคมได้อย่างมีความสุข

ปัจจุบันคนที่นิยมทำศัลยกรรม นิยมทำส่วนใดของร่างกาย

โดยทั่วไปมีผู้มาขอรับศัลยกรรมเสริมสวย คือ ตา อันดับ 1 จมูก อันดับ 2 และ เต้านมอันดับ 3 ศัลยกรรมใบหน้าโดยเฉพาะดึงใบหน้า ดูดไขมันหน้าท้อง สะโพก ขา สำหรับชายศัลยกรรมปลูกผมเป็นอันดับหนึ่ง

การทำศัลยตกแต่งเพื่อรักษาโรคอะไรได้บ้าง

ศัลยกรรมตกแต่งแก้ไขความพิการ ควรแต่งตั้งแต่ศีรษะจรดเท้าเสริมสร้างความพิการ รูปร่างผิดปกติ เช่น แขน ขา ลำตัว ไปจนถึงเท้า ความพิการบางรายเกิดมาตั้งแต่กำเนิด หรือติดเชื้อ และการผ่าตัดเอาเนื้อร้ายออกจากร่างกาย

สารซิลิโคนคืออะไร

คือสารเคมีชนิดหนึ่ง เป็นสารเกิดจากทรายและซิลิการ์ ที่ผลิตออกมามี 2 ประเภท คือ
1. ใช้ในอุตสาหกรรม เช่นน้ำมันหล่อลื่น
2. ใช้ทางการแพทย์ต้องทำให้สะอาดสารซิลิโคน แบ่งเป็น 4 ประเภท

  • เป็นของเหลว
  • เป็นแผ่น
  • เป็นแท่ง
  • ลักษณะคล้ายฟองน้ำ

สารซิลิโคนเป็นของเหลว ทางการแพทย์จะไม่นิยมใช้ ใช้ในกรณีที่เป็นแผลบุ๋ม หากใช้มาก ๆ สารซิลิโคนจะไปกองอยู่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย จะทำให้เกิดการอักเสบ และผิดกฎหมาย ถ้าใช้ฉีดแล้วจะแข็งเจ็บ

ซิลิโคนแผ่น ใช้เป็นท่อน้ำเกลือ หรือใช้ไปหุ้มเครื่องกระตุ้นหัวใจ
ส่วนที่เป็นแท่ง ใช้เสริมจมูกที่ต้องการให้แข็งแรง ใช้ทำเป็นข้อเทียม
ส่วนลักษณะฟองน้ำ ไม่มีการผลิตออกมาใช้ ส่วนใหญ่ใช้ในที่นุ่ม เช่น ใบหน้าทุก ชนิดนอกจากซิลิโคนเหลวแล้ว ถ้าเราใช้อย่างถูกต้องและสะอาด พอเพียงมีเนื้ออ่อนคลุม จะไม่มีอันตราย

การทำหน้าอกใช้ซิลิโคนแบบไหน
การทำหน้าอกใส่ถุงนมเทียมเข้าไป ถุงนมเทียมชั้นนอกเป็นสารซิลิโคนชนิดแผ่นปลอดภัย ในถุงจะมีซิลิโคนเหลวเมื่อจับถูกต้องแล้วจะนิ่มเป็นธรรมชาติ ข้อเสียจะค่อยๆ ซึมผ่านซิลิโคนที่เป็นถุงออกมาอยู่ที่ผิว หน้าอกที่ทำมาต่อไปจะแข็งมากน้อยแล้วแต่กรณี และจะเจ็บจึงขอเตือนว่าอย่าไปเชื่อ 100 คนมีโอกาสแข็งได้ 20 – 40 คน ชนิดนี้ สหรัฐห้ามใช้
นอกจากนี้แล้วมีถุงนมข้างนอกเป็นซิลิโคน ข้างในเป็นน้ำเกลือเวลาใส่เข้าไปจะ รู้สึกแข็งกว่าธรรมดาเล็กน้อย แต่ถ้าแตกออกสู่ร่างกาย ร่างกายจะดูดซึมแล้วถ่ายออกมาเท่านั้น

ในการใช้สารซิลิโคนจะเกิดโรคแทรกซ้อนอย่างอื่นหรือติดเชื้อได้หรือไม่ เราจะมีวิธีแก้ไขหรือรักษาได้อย่างไร
อันตรายจากซิลิโคน ถ้าใช้ของเหลวเกิดการอักเสบ ใช้ชนิดเป็นแผ่นต้อง
1. ทำในสถานพยาบาลที่สะอาดพอไม่ใช่ทำตามข้างถนน
2. การทำจมูกหรือหน้าอก ควรทำในขนาดที่แพทย์แนะนำอย่าขนาดใหญ่เกินการ การที่ทำใหญ่จะเกิดพังพืดยืดขยายหดตัวลัดทำให้จมูกใส ยิ่งถ้าทำสูงมากผิวหนังทน การยืดจากของที่เราฝังไม่ได้จะทำให้ทะลุออกมานอกผิวหนัง อย่าทำให้เกินความจริง

โอกาสของการติดเชื้อมีแล้วควรทำอย่างไร
ให้เอาออกทันทีแล้วผ่าตัดทำการแก้ไข ถ้าทิ้งเอาไว้จะเกิดการเน่าในที่สุด

ทำศัลยกรรมเสร็จแล้วจะเป็นรอยแผลเป็นหรือไม่
การทำศัลยกรรมจะมีรอยแผลทุกชนิด การใช้เลเซอร์ผ่าตัดแล้วไม่มีรอยแผลเป็นไม่เป็นความจริง การใช้เลเซอร์ผ่าตัดแล้ว ไม่มีแผลเป็นไม่เป็นความจริงทั้งหมด เช่น เดียวกับการผ่าตัดทำศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวยจะมีรอยแผลเป็นแต่รอยแผลเป็นจะถูกซ้อนไว้บริเวณที่ที่มองไม่เห็น และรอเวลาให้แผลเป็นค่อย ๆ จางจนเหลือเป็นรอยแข็ง ยาทั้งหลายที่จะช่วยให้จางไม่เป็นความจริง เพราะร่างกายของเราเป็นไปตามธรรมชาติ

รายละเอียดขั้นตอนการทำใช้เวลามากน้อยแค่ไหน
ขึ้นอยู่กับชนิดของการผ่าตัดและขึ้นอยู่กับฝีมือแพทย์ เวลาการใช้ทำจมูกส่วนใหญ่ 10-15 นาที หรือถ้าฝีมือปราณีตอาจใช้เวลา 2 ช.ม. ระยะเวลาการฟื้นตัว 3-4 วัน

ระยะเวลาการฟื้นตัวของคนไข้
บวมมาก 3-4 วัน 7 วันไปไหนมาไหนได้ 3 อาทิตย์ออกสังคมได้ แต่ก็ยังมีบวมอยู่ ให้คงรูปร่าง 80% ก็ 3 เดือน

การทำศัลยกรรมแต่ละครั้ง สามารถกลับบ้านได้เลยหรือเปล่า
การผ่าตัดในการฉีดยาชาหรือให้ยาแบบสลึมสลือสามารถกลับบ้านได้เลย พวกที่ดมยาผ่าตัดระยะสั้น ๆ สามารถกลับบ้านได้ แต่ถ้าทำผ่าตัดนานๆ ควรอยู่โรงพยาบาลอย่างน้อย 1 คืน

ในปัจจุบันทางโรงพยาบาลศิริราชมีบริการด้านนี้ไหม
ทาง รพ.มีสาขาวิชาศัลยศาสตร์ตกแต่งที่รับผิดชอบทางด้านเสริมสวย และศัลยกรรมเสริมสร้าง เป็นความจำเป็นที่จะต้องทำเพื่อให้คนไข้พ้นจากความทุกข์ทรมาน ส่วนศัลยกรรมตกแต่งเสริมสวยรับทำเพื่อให้การศึกษา เพราะเราถืออันดับความสำคัญรองลงมา แต่เรารับทำทุกประเภททุกชนิด

พบผู้ป่วยศัลยกรรมเสริมสร้างมากน้อยแค่ไหน
พบมากที่สุดคือปากแหว่ง 300 กว่าราย เพดานโว่ 150 กว่ารายนอกนั้นพบว่ามือพิการ รูปร่างพิการปีละ 300 ราย ขณะนี้มีความพิการของกะโหลกศีรษะและใบหน้าเป็นจำนวนมาก ซึ่งเรากำลังรักษา

ในทัศนคติของคุณหมอว่าด้วยศัลยกรรมตกแต่งมีความจำเป็นมากน้อยแค่ไหน
สำหรับศัลยกรรมตกแต่งเสริมสร้างมีความจำเป็น ส่วนศัลยกรรมเสริมสวยทุกคน อยากจะสวย เพราะฉะนั้นเราต้องพิจารณาให้ปรึกษากับหมอให้ดูจากความพอดีจะดีกว่า

ข้อควรรู้เมื่ออยากจะทำศัลยกรรม
เมื่อท่านคิดจะทำศัลยกรรมความงามสักอย่าง ขอให้หยุดคิดพิจารณาให้ดีว่า จำเป็นหรือไม่ เมื่อตัดสินใจแน่นอนแล้ว ให้ดำเนินการตามขั้นตอนดังต่อไปนี้์

ขั้นตอนที่ 1 – ถามตัวเอง
ระบุความต้องการของตนเองให้ได้เสียก่อนว่า ต้องการให้รูปร่างหน้าตาของตนเองเป็นอย่างไร อะไรคือสิ่งที่เราไม่ชอบหรือไม่พึงปรารถนาบนร่างกายเรา
ข้อนี้จะนำไปสู่ชนิดของการผ่าตัดหรือวิธีการที่จะต้องใช้ และนำไปสู่แพทย์ที่จะเป็นผู้ผ่าตัดหรือให้บริการ

ขั้นตอนที่ 2 – ศึกษาเพิ่มเติมด้วยตนเอง

ข้อควรจำ อย่าหวังพึ่งคนอื่น และอย่าเชื่อคนอื่นเสียทั้งหมด
ในปัจจุบันมีช่องทางในการศึกษาหาความรู้เพิ่มเติมมากมาย พยายามทำให้ตัวเองมีความรู้เกี่ยวกับสิ่งที่ท่านไม่ชอบใน เรือนร่างตนเองหรืออยากทำเปลี่ยนแปลง และวิธีการสำหรับแก้ไขปัญหานั้น
เป็นที่แน่นอนว่า ปัญหาของท่านไม่ได้เกิดกับท่านเพียงคนเดียว หากท่านได้รู้เรื่องนั้นบ้าง รู้ว่าเขาแก้ไขกันอย่างไรได้บ้าง จะเป็นประโยชน์อย่างมาก

ช่องทางที่จะหาความรู้เพิ่มเติมได้ ให้เป็นไปตามขั้นตอนดังนี้
1. อินเทอร์เน็ต
2. ปรึกษาญาติพี่น้อง เพื่อน
3. ปรึกษาแพทย์ที่รู้จักสาขาใดก็ได้
4. ปรึกษาศัลยแพทย์ตกแต่ง(ตัวจริง)
ขั้นตอนนี้เน้นว่า หาข้อมูลมาเพื่อให้เข้าใจปัญหาที่เรามี และรู้จักวิธีการผ่าตัดหรือรักษา ไม่ใช่การหาแพทย์ที่จะมาทำให้เรา

ขั้นตอนที่ 3 – สืบหาแพทย์
การเลือกเฟ้นแพทย์ที่จะมาทำการผ่าตัดให้ท่าน ถือว่าเป็นขั้นตอนที่มีความสำคัญที่สุด

ช่องทางที่ท่านควรใช้ในการสรรหาศัลยแพทย์ตกแต่ง คือ
สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย
จากเพื่อนหรือญาติ ๆ ที่เป็นแพทย์
คนไข้หรือผู้ที่ได้รับการผ่าตัดหรือรักษามาแล้ว ทั้งที่ได้ผลดีและไม่ได้ผลดีมีปัญหา

ขั้นตอนที่ 4 – ตรวจสอบข้อมูลแพทย์
เมื่อได้ชื่อแพทย์ที่ท่านสนใจมาแล้ว ให้หาข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์ให้มากที่สุด พบบ่อยว่า คนที่เราสนใจไม่ใช่แพทย์ ไม่ใช่ศัลยแพทย์ ไม่ใช่ศัลยแพทย์ตกแต่ง บางคนได้ชื่อมา ก็เป็นเพราะฟังมาจากร้านเสริมสวย หรือมีคนเชียร์ แต่คนเหล่านั้นได้รับค่า commission เคยมีโรงพยาบาลบางแห่งถึงขั้นให้รางวัลหรือ commission แบบนี้เพื่อให้คนขับแท๊กซี่ คนที่สนามบิน พาคนไข้มา

ไม่มีกฏหมายหรือข้อบังคับแพทยสภา ห้ามมิให้แพทย์ที่ไม่ได้จบศัลยศาสตร์ตกแต่ง ทำศัลยกรรมเสริมความงาม
ข้อมูลที่ว่าครอบคลุมถึงพื้นเพ ครอบครัว นิสัยใจคอ งานที่ทำทั้งส่วนตัวและงานที่เป็นประโยชน์ต่อสาธารณชน ประวัติการศึกษา รางวัลหรือคุณความดีที่เคยได้รับ ตำแหน่งหน้าที่ในสังคม ข้อมูลพวกนี้จะทำให้ท่านได้เห็นเบื้องหลังหรือความจริง มากกว่าแค่ที่มองเห็นจากรูปหรือหน้าตาหรือแค่การพูดคุย

แหล่งข้อมูล
แพทยสภา – ให้ท่านตรวจจากเวปไซต์ของแพทยสภาว่า คนๆนั้นเป็นแพทย์จริงหรือไม่ จบแพทย์เมื่อใด เรียนต่อเฉพาะทางจนจบสาขาศัลยศาสตร์ตกแต่งมาจริงหรือไม่ เมื่อไร http://www.tmc.or.th/service_check.php

สมาคมศัลยแพทย์ตกแต่งเสริมสวยแห่งประเทศไทย – ตรวจสอบกับทางสมาคมฯว่า แพทย์คนนั้นยังเป็นสมาชิกอยู่หรือไม่ (เพราะมีศัลยแพทย์ตกแต่งบางคนเรียนจบมาจริง แต่มีปัญหาทางด้านมาตรฐานการประกอบวิชาชีพ ก็จะไม่สามารถเป็นหรือคงอยู่เป็นสมาชิกของเราได้)
อินเทอร์เน็ต – หาข้อมูลอื่น ๆ ทั้งหมดในแง่ดีและไม่ดี แต่อย่าลืมว่า ข้อมูลหรือรูปภาพในอินเทอร์เน็ตอาจไม่เป็นความจริง ศัลยแพทย์ ฝีมือดีอาจจะไม่มีชื่อเสียงอยู่ในอินเตอร์เนต และผู้ที่ยิ่งโฆษณาตน เองอยู่ในอินเทอร์เน็ตมากยิ่งต้องระวัง

ขั้นตอนที่ 5 – พูดคุยกับแพทย์โดยตรง
เมื่อท่านได้ชื่อแพทย์ที่สนใจมาแล้ว สืบข้อมูลเกี่ยวกับแพทย์คนนั้นจนพอใจแล้ว ให้ไปพูดคุยโดยตรง ถามให้พอใจ สังเกตสถานที่ทำงาน ถ้าเป็นคลินิกก็ต้องดูว่าสะอาดได้มาตรฐานหรือไม่ คนรอบข้างเป็นอย่างไร

ท่านควรทราบว่า
ท่านสามารถพูดคุยได้มากกว่าหนึ่งครั้ง จนกว่าจะแน่ใจ
ท่านสามารถพูดคุยกับแพทย์ได้หลายคน เปรียบเทียบจนกว่าจะได้ที่ถูกใจ

ท่านควรหลีกเลี่ยง
แพทย์ที่ไม่อธิบายหรือไม่อยากจะพูดคุย
แพทย์ที่ไม่สามารถตอบคำถามสำคัญ ๆ ของท่าน
แพทย์ที่โฆษณามาก ๆ
แพทย์ที่ไม่ได้วุฒิบัตรสาขาศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้าง (สาขาอื่นที่ชื่อคล้าย ๆ กัน เช่น ศัลยศาสตร์ตกแต่งและเสริมสร้างใบหน้า ไม่ใช่สาขาศัลยศาสตร์ตกแต่งที่แท้จริง)
แพทย์ที่เอาแต่ชวนให้ทำผ่าตัด
แพทย์ที่ชวนให้ทำผ่าตัดหลาย ๆ อย่าง หรือผ่าตัดในส่วนที่ท่านไม่ได้มีปัญหา

ขั้นตอนที่ 6 – คิดทบทวนดูอีกครั้ง
ก่อนตัดสินใจขั้นสุดท้าย ขอให้คิดทบทวนดูอีกครั้ง ตั้งแต่แรกว่า เราจำเป็นต้องทำศัลยกรรมหรือไม่ ปัญหาของเราคืออะไร วิธีการที่จะแก้ เข้าท่าหรือไม่ แพทย์ที่จะทำให้เราดีจริงไหม

ข้อดี-ข้อเสีย ของการทำ ศัลยกรรม

ข้อดี
– มั่นใจขึ้น บางคนสวยขึ้น
– เชื่อมั่นในหน้าตา มากขึ้น
ข้อเสีย
– อาจมีภาวะแทรกซ้อนก่อน ขณะทำ และหลังทำ
– อวัยวะที่ทำศัลยกรรม… ยังไงมันก็ไม่เหมือนเดิม (อาจสวยขึ้น แต่ก็มีปัญหากะมันบ่อยขึ้นเหมือนกัน)
– บางคนคาดหวังมากเกินไปกับผลที่จะได้รับ แต่ก็ต้องเศร้าใจทีหลังเมื่อเกิดความผิดพลาดทางด้านเทคนิกต่างๆ
– ทำให้บางคนเกิดการเสพย์ติดศัลยกรรม ทำมากเกิน ไป แก้โน่นแก้นี่ตลอดเวลาไม่มีวันจบสิ้น
– ทำตาสองชั้น… แล้วมันหลุด กลายเป็นตาสามชั้น…บางทีทำตาสองชั้น หลุดเหลือชั้นเดียว
– ทำจมูก แล้วเบี้ยว… เอียง แกนเล็ก เป็นแท่ง ขอบซีลี่โผล่ ดูไม่ธรรมชาติ บางรายต้องให้หมอดัดจมูกตลอด (เห็นแล้วเจ็บแทนจริงๆ)
– ทำลักยิ้มแล้วลักยิ้มหาย ฯลฯ